องค์ประกอบที่ 7 ผลลัพธ์
ตัวบ่งชี้ที่ 7.3 ผลด้านบุคลากร(ผลลัพธ์ด้านบุคลากร)
พิจารณาตามมาตรฐาน สป. อว. (IQA)
1 คะแนน | 2 คะแนน | 3 คะแนน | 4 คะแนน | 5 คะแนน |
1 ข้อ | 2 ข้อ | 3 ข้อ | 4-5 ข้อ | 6 ข้อ |
พิจารณาตามมาตรฐานEdPEx ประเมินภาพรวมประเด็น 1-4 ประเมิน 80 คะแนน ประเมินแบบ LeTCI
ผลการดำเนินการ
1 ผลลัพธ์ด้านการมุ่งเน้นบุคลากร(ขีดความสามารถและอัตรากำลังบุคลากร) ผลลัพธ์ด้านขีดความสามารถและอัตรากำลังบุคลากรมีอะไรบ้าง
คณะมีบุคลากร รวมจำนวนทั้งสิ้น 16 คน แบ่งเป็น บุคลากรสายวิชาการ จำนวน 15 คน ซึ่งมีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาเอก 4 คน และระดับปริญญาโท 4 คน ในสาขาวิชาที่ตรงตามหลักสูตรที่ทำการสอนมีตำแหน่งทางวิชาการเป็น รองศาสตราจารย์ 2 คน และบุคลากรสายสนับสนุนจำนวน 1 คน
2 ผลลัพธ์ด้านการมุ่งเน้นบุคลากร(บรรยากาศการทำงาน) ผลลัพธ์ด้านบรรยากาศการทำงานมีอะไรบ้าง
คณะได้ดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาบรรยากาศในการทำงานที่หลากหลาย ในเชิงกายภาพ ในภาพรวมผลประเมินความพึงพอใจของบุคลากรต่อบรรยากาศสภาพแวดล้อมในการทำงานของบุคลากรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปี พ.ศ.2560 เป็นต้นไป
3 ผลลัพธ์ด้านการมุ่งเน้นบุคลากร(ความผูกพันของบุคลากร) ผลลัพธ์ด้านความผูกพันของบุคลากรมีอะไรบ้าง
คณะฯ มีแนวความคิดว่าความพึงพอใจของบุคลากร จะเป็นเรื่องของความคิดและความรู้สึกของบุคลากรต่อเรื่องราวต่างๆ ขององค์กรว่าเขารู้สึกพอใจหรือไม่ อย่างไร
ความผูกพันของบุคลากร นั้น จะลึกกว่าความพึงพอใจมากมาย เพราะเป็นเรื่องของความรู้สึกที่อยากจะทุ่มเท อยากจะรับผิดชอบ และอยากจะสร้างผลงานให้กับองค์กรบุคลากรอาจจะรู้สึกพึงพอใจกับนโยบายต่างๆ ขององค์กร แต่อาจจะไม่รู้สึกผูกพันเลยก็ได้ ดังนั้นการสำรวจเพียงความพึงพอใจของบุคลากรนั้น อาจจะไม่เพียงพอที่จะทราบถึงความรู้สึกผูกพันของบุคลากรได้เลย
บุคลากรที่รู้สึกผูกพันกับองค์กรจะมีลักษณะ
- อยู่ทำงานกับองค์กรด้วยความทุ่มเท และรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร
- มีผลงานดีอย่างสม่ำเสมอ และมีแรงจูงใจในการทำงานอย่างมากมาย
- ถ้าองค์กรมีบุคลากรจำนวนมากที่รู้สึกผูกพันกับองค์กร จะมีผลต่อกำไรขององค์กรด้วย
- มีทัศนคติที่ดีต่อองค์กร ต่อลูกค้าขององค์กร และพยายามสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าอย่างเกินความคาดหวังเสมอ
- จะเป็นคนสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดี และสร้างพลังให้กับเพื่อนร่วมงานอยู่เสมอ
- ทำตัวเป็นตัวแทนขององค์กรที่มักจะพูดถึงสิ่งที่ดีๆ ขององค์กรให้กับบุคคลภายนอกได้รับรู้
บุคลากรรู้สึกดี และผูกพันต่อองค์กรนั้น จะต้องสร้าง 3 ด้านก็คือ
- สร้างบรรยากาศในการทำงานทางกายภาพให้ดี น่าทำงาน (Physical)
- สร้างความรู้สึกที่ดีทางด้านจิตใจให้เกิดขึ้นกับบุคลากร (Psychological)
- สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างหัวหน้ากับบุคลากร และบุคลากรด้วยกันเอง (Relationship)
การมีส่วนร่วมของบุคลากรจึงมีความสำคัญ และส่งผลต่อความสำเร็จขององค์กรอย่างชัดเจน เพราะ “คน” คือส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า การมี Employee Engagement จึงส่งผลให้ผลลัพธ์การทำงานดีขึ้น บุคลากรยินดีที่จะให้ข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนาบุคลากรและองค์กร อาจทำให้อัตราการลาออกก็น้อยลง เพราะบุคลากรทำงานแบบมีความสุขในระยะยาว
ปัจจัยที่มีผลต่อการสร้าง Employee Engagement
ปัจจัยที่สามารถช่วยสร้าง Employee Engagement ของบุคลากรให้เพิ่มสูงขึ้นได้นั้นมีอยู่หลายปัจจัยด้วยกัน ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับแต่ละองค์กร ตลอดจนแต่ละอุตสาหกรรมหรือรูปแบบธุรกิจด้วย เพราะบางปัจจัยก็มีผลต่อการสร้าง Employee Engagement ให้องค์กรได้ดีขึ้น แต่บางปัจจัยก็ไม่มีผลในการเพิ่มอัตรา Employee Engagement เช่นกัน ปัจจัยด้านต่างๆ ที่สามารถช่วยเพิ่ม Employee Engagement ให้กับบุคลากรในองค์กรขึ้นได้
- เป้าหมายและวิสัยทัศน์ขององค์กร (Goal & Vision) : องค์กรที่มีการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน และมีความมุ่งมั่นในเป้าหมายอย่างแรงกล้า ตลอดจนมีวิสัยทัศน์ในองค์กรที่ก้าวไกล เห็นอนาคตที่สดใส ย่อมทำให้บุคลากรเกิดความอยากร่วมงานกับองค์กร อยากเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร และเป็นบ่อเกิดให้เกิดการมีส่วนร่วมตลอดจนความผูกพันกับองค์กรได้อย่างยอดเยี่ยม และหากบุคลากรชื่นชอบกับเป้าหมายตลอดจนวิสัยทัศน์ในองค์กรอย่างซาบซึ้งแล้วก็อาจเกิดความจงรักภักดีตั้งแต่เริ่มต้นได้ และทุ่มเททุกอย่างที่จะทำให้องค์กรประสบความสำเร็จในที่สุด หลายองค์กรใหญ่ๆ ตลอดจนองค์กรรุ่นใหม่ในยุคนี้จึงให้ความสำเร็จกับเป้าหมายตลอดจนวิสัยทัศน์ขององค์กรเป็นอย่างมาก เพราะนั่นถือเป็นแก่นสำคัญและแก่นในระยะยาวที่จะสร้างความประทับใจและกินใจได้มากที่สุด รวมถึงสร้างความประทับใจแรกสุดที่มีพลังมหาศาลได้เป็นอย่างดีทีเดียว
- ผลตอบแทนและสวัสดิการ (Income & Benefit) : ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรื่องเงินตลอดจนอัตราจ้างนั้นเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ อย่างหนึ่งที่จะทำให้บุคลากรเกิด Employee Engagement ตลอดจนการทุ่มเทให้กับการทำงานได้มากที่สุด การเสนออัตราที่สูงสุดเพื่อดึงตัวบุคลากรมาให้อยู่กับตนนั้นอาจไม่สำคัญเท่ากับการบริหารจัดการอัตราจ้างให้เกิดความเหมาะสมและคุ้มค่ากับงานที่ได้รับมอบหมาย การให้อัตราที่สูงแต่ขาดการบริหารงานที่ดีนั้นก็ทำให้บุคลากรโยกย้ายไปทำยังที่อื่นได้เช่นกัน แต่การให้อัตราที่เหมาะสมกับงาน ตลอดจนมีแผนการเพิ่มอัตราเงินเดือนในระยะยาวที่ชัดเจน เป็นรูปธรรม เป็นระบบระเบียบ และปฏิบัติอย่างจริงจังนั้น ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บุคลากรเกิดความเชื่อถือในองค์กรและเกิด Employee Engagement ได้มากเช่นกัน ซึ่งนั่นรวมถึงเรื่องสวัสดิการด้วยที่หากฝ่ายทรัพยากรบุคคลมีการบริหารสวัสดิการที่ดีตลอดจนจัดสวัสดิการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันให้ ก็อาจทำให้บุคลากรเกิด Employee Engagement ได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันนี้หลายองค์กรยุคใหม่ต่างหันมาสนใจในเรื่องสวัสดิการอื่นๆ ที่ไม่ใช่ตัวเงิน แต่เป็นสวัสดิการที่ช่วยให้ชีวิตมีความสุขระหว่างทำงาน ตลอดจนช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ก็อาจเป็นปัจจัยในการร่วมงานกับองค์กรมากกว่าเรื่องอัตราเงินเดือนที่เสนอเสียด้วยซ้ำ
- หัวหน้างานและเพื่อนร่วมงาน (Supervisor & Colleague) : จะว่าไปแล้วเรื่องคนนี่คือปัจจัยที่สำคัญที่สุด ทั้งยังเป็นปัจจัยที่ละเอียดอ่อนที่สุด และเป็นปัจจัยที่ควบคุมได้ยากที่สุดอีกด้วย เพราะหลายต่อหลายครั้งของการลาออก เปลี่ยนงาน โยกย้ายแผนก ก็เกิดจากปัญหาเรื่องคนแทนที่จะเป็นปัญหาเรื่องงาน องค์กรที่ดีย่อมดึงดูดคนที่มีแนวโน้มที่ดีมาทำงานร่วมกัน และการที่องค์กรสามารถได้คนดีมีความสามารถมาร่วมงานก็จะยิ่งทำให้องค์กรเต็มไปด้วยบุคลากรที่มีคุณภาพ เมื่อบุคลากรมีคุณภาพมารวมตัวกันย่อมทำให้เกิดสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี และนั่นก็เป็นหนึ่งส่วนสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้เกิด Employee Engagement ในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน นอกจากเพื่อนร่วมงานแล้วบุคคลที่สำคัญอีกคนหนึ่งนั่นก็คือหัวหน้างานนั่นเอง บ่อยครั้งที่หัวหน้างานไร้ประสิทธิภาพ หรือหัวหน้างานที่บริหารคนไม่เป็น ไม่มีความยุติธรรม หรือตัดสินใจผิดพลาดบ่อยๆ ก็ย่อมทำให้ไม่มีลูกน้องคนไหนอยากร่วมงานด้วย ซึ่งในจุดนี้องค์กรก็ต้องดูให้ดีเช่นกันว่าปัญหาด้านบุคคลนั้นเกิดในระดับไหนอย่างไร และจัดการปัญหาให้ถูกต้อง หัวหน้างานที่ดีนอกจากจะช่วยให้งานลื่นไหลประสบความสำเร็จแล้วก็ยังมีส่วนช่วยให้บริหารงานบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย และเป็นตัวกลางในการเชื่อมสัมพันธ์ทุกคนในแผนกให้ร่วมกันทำงานได้อย่างดีอีกด้วย นั่นย่อมเป็นจุดกำเนิดของการเกิด Employee Engagement กับองค์กรที่ดีได้ในที่สุด
- งานที่ทำกับความรับผิดชอบต่องานนั้น (Work & Responsible) : ตัวงานเองก็มีส่วนสำคัญต่อการอยากร่วมงานกับองค์กร หรืออยากลาออกจากองค์กรด้วยเช่นกัน งานที่ทำหากเป็นงานที่บุคลากรที่ได้รับมอบหมายนั้นชอบทำ มีความสุขในการทำงาน สามารถเผชิญปัญหาและแก้ไขได้อย่างไม่เกรงกลัวและย่อท้อ ย่อมทำให้เกิดความรักในงานที่ทำและทุ่มเทได้อย่างเต็มที่ ซึ่งนั่นเป็นส่วนที่ทำให้เกิดอัตรา Employee Engagement ที่สูง และสร้างความสำเร็จให้กับองค์กรในที่สุด ในทางตรงกันข้ามหากไม่ชอบงานที่ทำ หรือทนต่อความรับผิดชอบที่ได้รับไม่ไหว เบื่องานที่ทำ แบกภาระไม่ได้ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่จะไม่ทำให้เกิด Employee Engagement ในองค์กร และสร้างความเสียหายได้ในที่สุด
- ภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร (Brand Image) : การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะบางครั้งบุคลากรอยากเข้าร่วมงานกับองค์กรก็เพราะชื่นชอบในภาพลักษณ์องค์กร และอยากมีส่วนร่วมในองค์กรที่ตนเชื่อถือและไว้วางใจ ภาพลักษณ์นั้นอาจเป็นเรื่องที่ต้องใช้ระยะเวลาในการสร้างและสั่งสมบารมีไปเรื่อยๆ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้กันอย่างปุบปั๊บ แต่ในยุคนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปที่จะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีได้ในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งภาพลักษณ์ที่ดีนั้นมีส่วนอย่างมากที่จะสร้างให้เกิด Employee Engagement กับองค์กรในระดับที่ยอดเยี่ยมได้
- ผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จ (Successful Product) : บางองค์กรผลิตภัณฑ์ถือเป็นตัวที่มีอิทธิพลสูงกว่าแบรนด์ก็เป็นได้ หลายองค์กรที่คนอยากเข้าร่วมงานด้วยเพราะชื่นชอบและประทับใจในผลิตภัณฑ์ตลอดจนบริการขององค์กร ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับในตลาด โดยที่ยังไม่รู้จักองค์กรด้วยซ้ำ องค์กรที่โดดเด่นทั้งในเรื่องของผลิตภัณฑ์และตัวองค์กรไปพร้อมกันด้วยนั้นเป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพอย่างมากซึ่งมีส่วนช่วยเสริมให้เกิด Employee Engagement ได้สูงมากด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าผลิตภัณฑ์ขององค์กรนั้นย่อมมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องผลประกอบการไปจนถึงผลกำไร ซึ่งมีส่วนช่วยให้องค์กรเกิดความมั่นคงได้สูง หากผลิตภัณฑ์นั้นมีศักยภาพก็ย่อมทำให้บุคลากรอย่างร่วมงานกับองค์กรในระยะยาวได้ เพราะผลประกอบการที่ดีจะส่งผลต่อความเป็นอยู่ที่ดีและมั่นคงของบุคลากรได้ด้วยเช่นกัน
- การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Development) : บางครั้งองค์กรที่ไม่ได้ประกอบธุรกิจในสายผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค หรือเป็นผลิตภัณฑ์ในระบบอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่อาจไม่ใช่เรื่องคุ้นเคยในชีวิตประจำวันของเรานัก ก็อาจสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรได้ด้วยแผนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งนี่เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยดึงดูดให้บุคลากรอยากมาร่วมงานกับองค์กรด้วย มี Employee Engagement ที่ดีกับองค์กร และการที่องค์กรตลอดจนฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ มีแผนพัฒนาบุคลากรที่ดี เป็นรูปธรรม ก็ยิ่งส่งเสริมให้บุคลากรพัฒนาตนเองได้มากขึ้น รวมถึงพัฒนา Employee Engagement เพิ่มขึ้นได้ด้วย
- การบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล (Human Relationship Management) : สำหรับวัยทำงานหนึ่งในหัวข้อการสนทนาที่บ่นกันบ่อยๆ บ่นกันมานานหลายยุคหลายสมัย และก็ไม่มีวันหมดไปก็คือปัญหาของฝ่ายบุคคลนั่นเอง หากองค์กรที่มีฝ่ายบุคคล (HR) ที่มีการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ที่ดี ตั้งแต่เรื่องการจัดการเงินเดือน, สวัสดิการ, การพัฒนาศักยภาพ, การรักษาพยาบาล, ไปจนถึงเรื่องสารทุกข์สุขดิบต่างๆ ได้ดีนั้นก็อาจทำให้บุคลากรไม่หัวเสีย และเกิดอยากร่วมงานกับองค์กรในระยะยาวขึ้นได้ แล้วหนึ่งในปัญหาการลาออกจากงานหรือต้องการย้ายองค์กรที่เกิดขึ้นบ่อยๆ นั้นก็คือเกิดจากการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของฝ่ายทรัพยากรมนุษย์นั่นเอง
การสร้างแบบสำรวจในเรื่อง Employee Engagement
หนึ่งในวิธีที่จะสำรวจรวมถึงสร้าง Employee Engagement ไปในตัวนั้นก็คือการสร้างแบบสำรวจความคิดเห็นกับบุคลากรในองค์กรถึงความพึงพอใจตลอดจนความผูกพันในองค์กร บางองค์กรมีการสำรวจกันบ่อยครั้ง สำรวจทุกวัน แต่บางองค์กรก็มีการสำรวจกันเพียงปีละครั้งก็มี อะไรคือความเหมาะสมนั้นคงตอบได้ยาก เพราะการสำรวจบ่อยครั้งอาจหมายถึงการสร้างปฏิสัมพันธ์กับบุคลากรอยู่เสมอ แต่อีกในมิติหนึ่งบุคลากรก็อาจจะเกิดความเบื่อหน่ายหรือรำคาญได้ การสำรวจแบบนานๆ ครั้งก็อาจทำให้บุคลากรรู้สึกไม่ได้รับความใส่ใจ แต่ก็อาจรู้สึกไม่รำคาญในการเซ้าซี้หรือบังคับให้มีส่วนร่วมกับองค์กร ลองมาดูแบบสำรวจ 4 รูปแบบในเรื่อง Employee Engagement กันบ้าง ว่าแบบไหนจะเหมาะสมกับองค์กรของเราบ้าง
- การสำรวจความพึงพอใจและความผูกพันของบุคลากรแบบต่อเนื่อง (Always-on Employee Engagement Surveys)
การสำรวจลักษณะนี้เป็นการทำแบบประจำ อาจเป็นการทำทุกวัน ซึ่งหลายองค์กรจะนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย อาทิ แบบสำรวจออนไลน์, แบบสำรวจผ่าน App บนสมาร์ทโฟน เป็นต้น เพื่อให้มีความสม่ำเสมอในการวัดผล เก็บข้อมูล ตลอดจนสามารถ Feedback กันแบบ Real Time ได้
ข้อดี
- บุคลากรสามารถ Feedback ได้ทันที ทุกวัน ทุกเวลา
- องค์กรรับรู้ปัญหาและแก้ไขได้ว่องไว
- เก็บข้อมูลได้ต่อเนื่อง ทำให้การวัดผลมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- เห็นแนวโน้มของการพัฒนาและปรังปรุงแก้ไของค์กรได้ดี
- บุคลากรและองค์กรเกิดความกระตือรือร้นในการทำงาน
- แก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที เพราะปัญหาอาจถูกรายงานเรื่อยๆ หรือตัดไฟแต่ต้นลมได้ ตั้งแต่รู้ว่าจะเริ่มเกิดปัญหา
ข้อเสีย
- บุคลากรเบื่อหน่าย หรือรำคาญจนอาจเป็นสาเหตุให้เกิดการลาออกได้
- บุคลากรทำแบบขอไปที เพราะมีการทำทุกวันจนเกิดความเบื่อหน่าย
- บุคลากรไม่มีการชั่งน้ำหนักความสำคัญของปัญหา คัดกรองปัญหาที่จำเป็น
- บุคลากรที่ดูแลเรื่องนี้อาจมีความเครียด หรือมีความเบื่อหน่าย ในการรับปัญหาทุกวัน
- การสำรวจแบบนี้มักทำในลักษณะองค์รวม บางอย่างอาจไม่เกี่ยวข้องกับงานของตน ทำให้ละเลยความสำคัญ
- แบบสำรวจอาจไม่เจาะลึก ได้ข้อมูลเยอะแต่อาจไม่เป็นประโยชน์
- บุคลากรไม่ตั้งใจอ่านคำถามให้ละเอียด เพราะเจอทุกวัน ซึ่งบางคำถามที่ตั้งเพิ่มขึ้นมาอาจถูกละเลย
- บุคลากรคิดว่า Feedback ผิดๆ ก็ได้ ไม่น่าจะมีผลกระทบอะไร เพราะเดี๋ยวก็ได้ทำใหม่บ่อยๆ ข้อมูลอาจผิดพลาด
- การสำรวจความพึงพอใจและความผูกพันของบุคลากรแบบเจาะจง (Employee Engagement Spot Surveys)
การสำรวจรูปแบบนี้คือการเจาะจงสำรวจบุคลากรเป็นรายบุคคล หรือแผนก ซึ่งจะมีความใส่ใจในการสำรวจที่เกี่ยวข้องกับงานหรือแต่ละแผนกมากขึ้น การสำรวจนี้อาจทำแบบต่อเนื่องหรือไม่ต่อเนื่องก็ได้ หรืออาจเป็นการสำรวจเฉพาะกิจกับงานเฉพาะงาน อย่างเช่น การออกอีเวนท์ต่างๆ, การประชุม, การสัมมนา เป็นต้น การทำแบบสำรวจนี้ยังหมายถึงการเจาะจงเฉพาะเรื่อง เจาะจงข้อมูลเชิงลึก ได้อีกด้วย และสามารถกำหนดประเด็นได้อย่างชัดเจน การสำรวจนี้สามารถทำได้ทั้งแบบระบบเอกสาร ทำด้วยมือ หรือสอบถามโดยตรง หรืออาจใช้เทคโนโลยีเข้าร่วมอย่างการทำแบบสอบถามออนไลน์ เป็นต้น
ข้อดี
- แบบสำรวจมีความเฉพาะเจาะจง ทำให้ผู้ถูกสำรวจตั้งใจ Feedback มากขึ้น
- คำถามมีความละเอียด เจาะจง ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มีคุณภาพ
- บุคลากรรู้สึกว่าได้รับความใส่ใจ เพราะเป็นการสำรวจที่เกี่ยวกับตน
- รู้ปัญหาได้ชัดเจน และลึกซึ้งขึ้น สามารถนำมาแก้ไขได้ตรงจุด และมีประสิทธิภาพ
ข้อเสีย
- ต้องเสียเวลาทำแบบสำรวจมากขึ้น เพราะต้องละเอียดในการตั้งคำถามมากขึ้น
- คำถามหรือการสำรวจในเชิงลึกที่มากเกินไปจะสร้างความเบื่อหน่ายได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น
- ใช้เวลาในการวิเคราะห์ข้อมูลนานขึ้น เพราะการสำรวจละเอียดขึ้น
- การสำรวจความพึงพอใจและความผูกพันของบุคลากรแบบรายสะดวก (Employee Engagement Convenient Surveys)
การสำรวจลักษณะนี้จะไม่มีการกำหนดเวลาใดๆ ตลอดจนวัตถุประสงค์ใดๆ เข้ามาในการสำรวจ ซึ่งอาจตรงกันข้ามกับการสำรวจแบบต่อเนื่อง ลักษณะจะคล้ายๆ กับกล่องรับความคิดเห็น โดยแบบสำรวจนี้มักจะเป็นเรื่องกลางๆ หรือเป็นคำถามปลายเปิดหรือมีพื้นที่ให้แสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ อาจใช้ระบบเอกสารหรือเทคโนโลยีเข้ามาร่วมด้วยก็ได้
ข้อดี
- บุคลากรจะทำด้วยความเต็มใจ ตั้งใจ เพราะเป็นการทำโดยการตัดสินใจมาก่อน
- บุคลากรไม่เกิดความเบื่อหน่าย เพราะไม่ถูกบังคับให้ทำ
- บุคลากรรู้จักคัดกรองปัญหา มีความเจาะจงในเรื่องที่จะ Feedback อย่างแท้จริง
- ได้ข้อมูลละเอียด ตรงประเด็น ข้อมูลเป็นสิ่งที่บุคลากรอยากจะบอกจริงๆ ไม่ใช่บอกตามหน้าที่อะไรก็ได้
- รู้ปัญหาที่ชัดเจน แน่นอน แก้ปัญหาได้ถูกจุด มีประสิทธิภาพ
ข้อเสีย
- ทิศทางของคำถามกว้างเกินไป ไม่มีทิศทางของการถามที่ชัดเจน เฉพาะเจาะจง
- บุคลากรอาจเกิดความขี้เกียจ ไม่ Feedback อะไรเลย เพราะไม่ได้บังคับให้ทำ สามารถเลือกได้
- บริษัทอาจจะไม่ได้ผลตอบรับอะไรเลย เพราะไม่ได้เป็นการบังคับให้ทำ ไม่ชัดเจน แน่นอน
- บางครั้งอาจแก้ไขปัญหาได้ไม่ทันท่วงที เพราะปัญหาที่รู้ส่วนใหญ่คือเกิดปัญหาขึ้นจนร้ายแรงแล้ว
- การสำรวจความพึงพอใจและความผูกพันของบุคลากรแบบรายปี (Employee Engagement Annual Surveys)
การสำรวจรายปีนั้นมักจะเป็นการสำรวจที่จัดทำขึ้นตามประเพณี หรือจัดทำในวาระสำคัญเดียวกันพร้อมกันกับเรื่องอื่นๆ ไปเลย อย่างเช่นจัดทำพร้อมการประเมินผลงาน (Evaluation) ประจำปีไปเลยครั้งเดียว เพื่อนำมาประเมินผลองค์กรในเรื่องนี้ด้วย
ข้อดี
- การทำแบบสำรวจแบบเป็นวาระนี้จะทำให้บุคลากรมีความตั้งใจในการทำ เพราะเป็นการสำรวจปีละครั้ง
- บุคลากรกระตือรือร้นที่จะทำมากกว่าทำแบบสำรวจบ่อยๆ
ข้อเสีย
- เมื่อทำร่วมกับการประเมินอื่นๆ หรือมีการทำปีละครั้ง บุคลากรอาจรู้สึกเหมือนเป็นการประเมินหรือมีผลต่อการประเมินมากกว่าการ Feedback บริษัท บุคลากรอาจรู้สึกว่าคำตอบจะมีผลต่อการประเมิน การตอบในเชิงลบ หรือ Feedback ในเชิงไม่ดีอาจมีผลต่อการประเมิน บุคลากรจึงมักจะตอบแต่ในทางบวก และไม่ Feedback ในทางไม่ดี อาจทำให้องค์กรไม่ได้ข้อมูลที่แท้จริง
- เรื่องราวที่อยาก Feedback อาจมีมากเกินไป ถ้าหากทำปีละครั้ง อาจทำให้ปัญหาตกหล่น ไม่ได้รับการแก้ไข เหมือนซ่อนไว้ใต้พรม
- อาจ Feedback ไม่ทันท่วงที แก้ปัญหาไม่ทันการได้
- การสำรวจความพึงพอใจและความผูกพันของบุคลากรแบบผสมผสาน (Employee Engagement Mixed Surveys)
การสำรวจแบบนี้อาจเอาการทำการสำรวจทุกอย่างมาใช้รวมกัน หรือเลือกใช้ให้เหมาะสมตามสถานการณ์ การสำรวจลักษณะนี้จะเป็นที่นิยมในองค์กรที่มีการใส่ใจข้อมูล และพัฒนาองค์กร ตลอดจนฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ (HR) ที่สนใจสำรวจบุคลากรอย่างแท้จริง เพราะบางการสำรวจก็เหมาะกับบางเรื่อง บางการสำรวจก็ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ บางการสำรวจก็ต้องเฉพาะเจาะจงลงไป การเลือกสำรวจได้อย่างเหมาะสมนั้นจะทำให้ข้อมูลที่ได้มีประสิทธิภาพอย่างมาก
ข้อดี
- ข้อมูลที่ได้มีประสิทธิภาพ เพราะเลือกการสำรวจให้เหมาะกับแต่ละสถานการณ์และบุคคล
- ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากบุคลากร เพราะทำตามความเหมาะสม
- บุคลากรรู้สึกไม่เบื่อหน่าย เพราะมีหลากหลายลักษณะ
- บุคลากรรู้สึกถึงความใส่ใจขององค์กรมากที่สุด เพราะรู้สึกว่าองค์กรไม่ได้สักแต่ทำตามหน้าที่
- บุคลากรรู้สึกว่าองค์กรจะนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์จรงๆ จึงตั้งใจ Feedback จริงๆ
- รู้ข้อมูลหลากหลายมิติ รู้ปัญหาได้หลากหลายมิติขึ้น สามารถแก้ปัญหาได้มีประสิทธิภาพขึ้น
ข้อเสีย
- มีความหลากหลาย มากมาย จนบุคลากรอาจเกิดความรำคาญได้ หากละเอียดและเยอะเกินไป
- บุคลากรฝ่ายจัดทำต้องเสียเวลาในเรื่องข้อมูลและการประเมินผลมาก เพราะเป็นข้อมูลและเอียดและเชิงลึก
- อาจใช้งบประมาณมากขึ้นในการจัดทำ
ประโยชน์และข้อดีของการเสริมสร้าง Employee Engagement ในองค์กร
- บุคลากรมีความสุขในการทำงาน ชื่นชอบงานที่ทำ และทุ่มเทอย่างเต็มที่ เต็มใจ ทำให้องค์กรประสบความสำเร็จได้ดีขึ้น
- บุคลากรกระตือรือร้นในการทำงาน เนื่องจากได้ทำงานที่ชอบ ได้ทำงานที่รัก และเมื่อผลงานออกมาดีเขาก็ย่อมได้รับผลตอบแทนไปจนถึงการตอบรับที่ดี
- บุคลากรอยากพัฒนาตนเอง เพราะเมื่อเขามี Employee Engagement กับองค์กร แล้วองค์กรให้ความสำคัญ บุคลากรก็ยินดีที่จะพัฒนาตนเองให้มีศักยภาพมากขึ้นเรื่อยๆ
- ลดอัตราการลาออกหรือเปลี่ยนงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการมี Employee Engagement ที่ดีกับองค์กรนั้นเกิดจากการชื่นชอบและประทับใจในองค์กรเป็นหลักด้วย เมื่อมีความสุขกับองค์กรก็ย่อมไม่อยากไปทำงานที่อื่น และจงรักภักดีต่อองค์กรในระยะยาวได้ในที่สุดด้วย
- องค์กรมีเสถียรภาพทางธุรกิจที่มั่นคง เมื่อบุคลากรตั้งใจทำงาน และเต็มที่กับงานอย่างทุ่มเท ทั้งยังไม่อยากย้ายหรือลาออกไปไหน ก็จะทำให้องค์กรเกิดเสถียรภาพในหลายๆ ด้าน ทั้งด้านแรงงานที่มีความมั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลงบ่อย บุคลากรก็พัฒนาศักยภาพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น องค์กรมีศักยภาพเพิ่มขึ้น และธุรกิจมีเสถียรภาพในระยะยาว
- ระบบงานไม่ติดขัด เพราะไม่ต้องเปลี่ยนบุคลากรบ่อย ไม่ต้องสอนงานกันหลายรอบ ทำให้การทำงานลื่นไหล ส่งผลให้งานมีประสิทธิภาพ
- ไม่ต้องแข่งขันในเรื่องอัตราเงินเดือนตลอดจนสวัสดิการ เพราะบุคลากรอยากร่วมงานกับองค์กรด้วยปัจจัยอื่นๆ แต่ถึงอย่างไรค่าตอบแทนและสวัสดิการก็ต้องเหมาะสมและคุ้มค่าด้วยเช่นกัน
- บุคลากรรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร รู้สึกเป็นเจ้าขององค์กรร่วมกัน รู้สึกได้รับการให้ความสำคัญ ซึ่งนั่นจะทำให้เขาเต็มที่กับการทำงานให้กับองค์กรได้ดีอีกด้วย
- บุคลากรทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่และเต็มใจ เพราะมีความรักและภักดีในองค์กร ร่วมยินดีในความสำเร็จ ตลอดจนร่วมทุกข์ในยามเกิดวิกฤติและร่วมกันช่วยแก้ปัญหาให้หมดไปได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
- ท้ายที่สุดแล้วการมีส่วนร่วมของบุคลากรตลอดจนเกิดความผูกพันกับองค์กรนั้นย่อมสร้างให้องค์กรมีศักยภาพ มีโอกาสประสบความสำเร็จในธุรกิจสูง และมีผลประกอบการที่ดีเยี่ยมด้วยเช่นกัน
5 เคล็ดลับในการสร้าง Employee Engagement ที่ดีให้กับบุคลากรในองค์กร
สิ่งสำคัญในการสร้าง Employee Engagement ตลอดจนการสำรวจ Employee Engagement ให้มีประสิทธิภาพนั้นไม่ใช่เรื่องของเครื่องมือทันสมัยหรือเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งสำคัญที่จะสร้าง Employee Engagement ที่ดีได้ต้องอาศัยการเสริมสร้างในเรื่องอื่นๆ ด้วย ที่ก็ถือว่าเป็นภารกิจสำคัญขององค์กรด้วยเช่นกัน ที่จะส่งผลให้เกิด Employee Engagement ที่ดีและมีประสิทธิภาพ
1.สร้างความรู้สึกในการเป็นเจ้าของร่วมและการมีส่วนร่วมกับองค์กร (Sense of Ownership & Organization Participation)
การสร้างให้บุคลากรรูสึกเป็นหนึ่งเดียวกับองค์กร รู้สึกเป็นเจ้าของร่วมขององค์กร หรือสร้างให้บุคลากรสามารถมีส่วนร่วมกับองค์กรได้หลากหลายมิติ จะทำให้บุคลากรได้รับคุณค่าและความภาคภูมิใจในการทำงานไปในตัว เมื่อเขารู้สึกว่าองค์กรดูแลใส่ใจเขาเป็นอย่างดี เขาก็จะทุ่มเทให้กับงานและองค์กรอย่างเต็มที่ ในทางตรงกันข้ามหากองค์กรไม่ให้ความสำคัญหรือใส่ใจในบุคลากรของตน ก็มีส่วนช่วยให้บุคลากรไม่อยากร่วมงานกับองค์กร พร้อมที่จะลาออกตลอดเวลา ไม่รู้สึกผูกพัน และไม่ให้ความร่วมมือใดๆ ได้เช่นกัน
2.สร้างภาวะผู้นำและส่งเสริมการพัฒนาต่างๆ ให้กับบุคลากร (Leadership & Human Development)
มนุษย์ทุกคนต้องการการยอมรับและต้องการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ องค์กรที่ส่งเสริมภาวะผู้นำให้กับบุคลากรนั้นจะทำให้บุคลากรของตนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รู้จักความรับผิดชอบ รู้จักบริหารงาน รู้จักการทำงานกับคน ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเพื่อนร่วมงาน สิ่งแวดล้อมในการทำงานที่ดีมีส่วนเสริมสร้าง Employee Engagement ที่มีประสิทธิภาพให้กับองค์กรได้อย่างดีเยี่ยม ขณะเดียวกันการส่งเสริมให้มนุษย์เกิดการพัฒนาในด้านต่างๆ ทั้งในด้านของทักษะวิชาชีพ ด้านการศึกษา ตลอดจนด้านประสบการณ์ชีวิตอื่นๆ บุคลากรที่รู้สึกว่าได้รับการพัฒนาตนเองตลอดเวลาจะทำให้เขาเห็นคุณค่าขององค์กรยิ่งขึ้น และจะทุ่มเทการทำงานให้กับองค์กรอย่างเต็มที่ ขณะเดียวก็ดึงดูดให้คนอยากมาร่วมงานกับองค์กรได้มากขึ้น และทำให้บุคลากรอยู่กับองค์กรได้ในระยะยาว มีความจงรักภักดีต่อองค์กรได้ในที่สุด
3.สร้างการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ (Sufficiency Communication)
การสื่อสารถือเป็นกระบวนการสำคัญและเป็นเคล็ดลับของความสำเร็จที่มีประสิทธิภาพทีเดียว การสื่อสารในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพนั้นจะช่วยสร้าง Employee Engagement ได้ดียิ่งขึ้น และสร้างความสัมพันธ์ให้กับบุคลากรในองค์กรได้ดีตามไปด้วย การสื่อสารนี้ควรใส่ใจตั้งแต่ข้อความในการสำรวจซึ่งสามารถสร้างการมีส่วนร่วมและให้ข้อมูลที่ดีได้ การเลือกวิธีการสื่อสารที่เหมาะสมก็จะช่วยให้เพิ่มการมีส่วนร่วมได้เช่นกัน หรือแม้กระทั่งการเลือกช่องทางการสื่อสาร การสร้างกลยุทธ์ ไปจนถึงการวางแผนในการสื่อสารทั้งระบบก็จะส่งเสริมความมีส่วนร่วมได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน องค์กรที่มีความใส่ใจในการสื่อสารนั้นบุคลากรในองค์กรจะสัมผัสได้ชัดเจน และนั่นจะเป็นตัวแปรสำคัญหนึ่งที่สร้าง Employee Engagement ให้กับองค์กรได้เป็นอย่างดีทีเดียว
4.สร้างการทำงานระบบทีมและสร้างสิ่งแวดล้อมในการทำงานที่ดี (Teamwork & Working Environmental)
สิ่งแวดล้อมในการทำงานที่ดีมีผลต่อการสร้าง Employee Engagement ได้มากทีเดียว ไม่มีบุคลากรคนไหนอยากทำงานในองค์กรที่มีสิ่งแวดล้อมในการทำงานที่แย่ หรือเพื่อนร่วมงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ และบ่อยครั้งปัญหาจากการทำงานนั้นเกิดขึ้นจากเรื่องของบุคคลโดยที่ไม่เกี่ยวกับงานเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นองค์กรที่ใส่ใจในเรื่องสภาพแวดล้อมในการทำงาน ทั้งในเรื่องของสถานที่ทำงานและตัวบุคคล ก็จะยิ่งสร้าง Employee Engagement ที่มีประสิทธิภาพขึ้นได้ ขณะเดียวกันการสร้างระบบการทำงานเป็นทีมให้เกิดขึ้นก็ถือว่าเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานองค์รวมที่ดีเช่นกัน การมีระบบทีมที่ดีจะทำให้ทุกคนทำงานร่วมกัน ให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือเกื้อกูล และช่วยกันแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความสามัคคี และรวมพลังในการผลักดันองค์กร ซึ่งนั่นเป็นเคล็ดลับสำคัญหนึ่งของการสร้าง Employee Engagement ให้แข็งแกร่งได้
5.สร้างความยุติธรรมในทุกมิติ (Fair)
ความยุติธรรมนั้นเป็นรากฐานที่ดีให้กับองค์กรในหลากหลายมิติ องค์กรที่มีความยุติธรรมนั้นจะสร้างความเท่าเทียมที่เหมาะสม ตลอดจนสร้างความสมเหตุสมผลให้กับแต่ละกรณีได้เป็นอย่างดี องค์กรที่ยุติธรรมจะให้เกียรติและไม่เอาเปรียบบุคลากร อาจเริ่มตั้งแต่เรื่องเงินเดือนที่เหมาะสม ชั่วโมงการทำงานที่พอเหมาะพอควร ไปจนถึงการปันผลกำไรให้ทั่วถึงและร่วมกันในความสำเร็จ องค์กรที่มีความยุติธรรมจะสร้างความชอบธรรมในทุกมิติได้ดี ตั้งแต่การบริหารงาน บริหารคน ไปจนถึงการสร้างความสุขให้เกิดกับการทำงานขึ้นได้ ทำให้บุคลากรรู้สึกเชื่อมั่น ไว้วางใจในองค์กร กล้าทำ กล้ายอมรับ กล้ารับผิดชอบ เพราะองค์กรจะชั่งน้ำหนักเรื่องต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม ความยุติธรรมนี้จะช่วยสร้าง Employee Engagement ได้อย่างมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ ตลอดจนสร้างความจงรักภักดีให้กับองค์กรได้อย่างยอดเยี่ยมทีเดียว รวมถึงสร้างมาตรฐานที่ดีให้กับการทำงานและพฤติกรรมของบุคลากรด้วย
การมีส่วนร่วมกับองค์กรตลอดจนความผูกพันกับองค์กรนั้นมีส่วนสำคัญที่จะช่วยสร้างให้บุคลากรทำงานกับองค์กรได้อย่างมีความสุข และอยู่ร่วมกันได้ในระยะยาวขึ้น การเสริมสร้าง Employee Engagement ให้เกิดขึ้นกับองค์กรเป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์ต่อกันอย่างสม่ำเสมอ และยังเป็นการช่วย Feedback ในด้านต่างๆ ที่เป็นข้อมูลที่ดีสำหรับการพัฒนาบุคลากรตลอดจนองค์กรด้วยเช่นกัน แล้วการสร้าง Employee Engagement นั้นก็ไม่ใช่หน้าที่ของแผนกใดแผนกหนึ่ง หรือคนใดคนหนึ่ง แต่ควรเป็นหน้าที่ของทุกคนในองค์กรที่ร่วมแรงร่วมใจกันผลักดันให้องค์กรประสบความสำเร็จ ซึ่งการมี Employee Engagement ที่ดีนั้นมีส่วนอย่างยิ่งที่จะเป็นพลังสำคัญในการทำงานของทุกคน และสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นกับองค์กรได้ รวมถึงสร้างพลังขับเคลื่อนอันยิ่งใหญ่และมีประสิทธิภาพที่จะผลักดันองค์กรให้ก้าวหน้าต่อไปอย่างยั่งยืนในที่สุดด้วย
4 ผลลัพธ์ด้านการมุ่งเน้นบุคลากร(การพัฒนาบุคลากร) ผลลัพธ์ด้านการพัฒนาบุคลากรและผู้นำองค์กรมีอะไรบ้าง
คณะส่งเสริมบุคลากรสายวิชาการและสายสนับสนุนวิชาการให้เข้าร่วมการฝึกอบรมที่จัดโดยหน่วยงานภายในภายนอกอย่างเต็มที่ โดยบุคลากรประเภทวิชาการได้รับทุนสนับสนุนในการทำวิจัยเพื่อใช้ประกอบในการกำหนดตำแหน่งทางวิชาการ ซึ่งเป็นการพัฒนาตนเองและสะสมผลงานเพื่อขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการต่อไป โดยในปี 2565 คณะโดยวิทยาลัยได้จัดสรรทุนสนับสนุนการเผยแพร่งานวิจัยและผลงานวิชาการในต่างประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 5 ทุน เป็นเงินทั้งสิ้น 520,000 บาท
5 บุคลากรทุกคน ได้รับการพัฒนา มากกว่า 15 ชั่วโมง/ปี
คณะได้จัดทำแผนพัฒนาบุคลากรโดยได้จัดโครงการสัมมนาอาจารย์ทั้งภายในและภายนอก และบุคลากรทุกสายวิชาการคน ได้รับการพัฒนา มากกว่า 15 ชั่วโมง/ปี
6 Happy Index Workplace ของบุคลากร มากกว่า 3.51
คณะฯให้ความสำคัญขององค์กรแห่งความสุขและกระทรวงสาธารณสุข (2554) โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ดำเนินงานให้เกิดองค์กรสุขภาวะ (Happy Workplace) ซึ่งองค์กรแห่งความสุข เป็นแนวคิดหลักที่มุ่งดำเนินงานกับกลุ่มเป้าหมายหลักคือ “คนทำงานในองค์กร” ที่ถือเป็นบุคคลสำคัญและเป็นกำลังหลักของทั้งครอบครัว องค์กร ชุมชน และสังคม มีการส่งเสริมและพัฒนานโยบาย การสร้างองค์ความรู้และการขับเคลื่อนเครือข่ายในการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตคนทำงาน ด้วยเป็นความสำคัญว่า เมื่อคนทำงานในองค์กรมีความสุข ย่อมส่งผลดีต่อผลประกอบการหรือผลผลิตขององค์กร ความผาสุกในครอบครัว ชุมชน ส่งผลต่อสังคมที่มีความสุขที่ยั่งยืน การสร้างความสุขในที่ทำงานนับว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการบริหารองค์กร มุ่งเน้นให้บุคลากรทุกคนในองค์กรมีความสุขในการทำงานความสุขที่เกิดขึ้นนั้นก่อให้เกิดการรังสรรค์ทางความคิด งานที่ได้รับมอบหมายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความตึงเครียดจากการทำงาน และสภาพแวดล้อมลดความขัดแย้งในองค์กรความสุขที่ เกิดขึ้นจากการทำงานเปรียบเสมือนน้ำหล่อเลี้ยงให้พฤติกรรมคนปรับเปลี่ยนและพัฒนาในแนวโน้มที่ดีขึ้น
องค์ประกอบขององค์กรแห่งความสุข (Healthy Workplace Framework)
องค์การอนามัยโลก (Burton, 2010) ได้กำหนดแนวทางของการสร้างเสริมสุขภาวะในที่ทำงานขึ้นเพื่อผลักดันให้เกิดประสิทธิภาพและความสามารถในการผลิตและการแข่งขันขององค์กรนั้น องค์กรจะต้องพิจารณาแนวทาง 3 ด้าน ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
- คนทำงานมีความสุข (Happy People) หมายถึง จัดสมดุลชีวิตได้ระหนักว่าตนเองเป็นบุคคลที่มีความสำคัญขององค์กร มีความเป็นมืออาชีพ มีความเป็นอยู่ที่ดี มีครอบครัวที่อบอุ่น มีศีลธรรมอันดีงาม และเอื้ออาทรต่อตนเองและสังคม
- ที่ทำงานน่าอยู่ (Happy Home) คือ รู้สึกว่าที่ทำงานเป็นบ้านหลังที่ 2 มีความรัก ความสามัคคีในองค์กร โดยลักษณะของที่ทำงานน่าอยู่ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่
2.1 เป็นองค์กรที่มีการทำงานเป็นทีม (Teamwork) หมายถึง การร่วมกันทำงานของสมาชิกอย่างมีชีวิตชีวา ทำด้วยใจ และเห็นคุณค่าของสมาชิก งานที่ทำและมีเป้าหมายของงาน
2.2 เป็นองค์กรที่มีความสุขในการทำงานร่วมกัน
2.3 เป็นองค์กรที่มีความคิดสร้างสรรค์ในการอยู่ร่วมกันและมีการพัฒนาร่วมกัน (Creativity) หมายถึง การสร้างองค์กรแห่งความสุขที่เป็นแบบเฉพาะ และเหมาะสมกับบริบทขององค์กร
- ชุมชนสมานฉันท์ (Happy Teamwork) ต้องมีความสามัคคี มีการทำงานเป็นทีม มีการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน และเอื้ออาทรกับสังคมรอบข้าง ชุมชนสมานฉันท์
ความสุข แบบความสุข 8 ประการ คือ
- Happy body มีสุขภาพดี สุขภาพที่แข็งแร่งทั้งกายและใจมาจากการที่รู้จักใช้ชีวิต รู้จักกิน รู้จักนอน ชีวิตมีความสุข
- Happy heart มีน้ำใจงาม สิ่งที่จำเป็นที่สุดในการที่มนุษย์จะอยู่กับคนอื่นได้ต้องมีน้ำใจคิดถึงคนอื่นเอื้ออาทรต่อกัน เพราะคนเราอยู่ตัวคนเดียวในโลกนี้ไม่ได้ ต้องรู้จักแบ่งปันอย่างเหมาะสม
- Happy relax การผ่อนคลาย ต้องรู้จักผ่อนคลายสิ่งต่างๆ ในการดำเนินชีวิต เพื่อไม่ให้ตนเองรู้สึกกดดันมากเกินไป หากทำงานเครียดก็ต้องมีวิธีผ่อนคลายในการทำงาน หรือแม้แต่ชีวิตส่วนตัวก็ด้วยต้องรู้จักผ่อนคลายให้เหมาะสม
- Happy brain การหาความรู้ มนุษย์เราอยู่ได้ด้วยการศึกษาหาความรู้พัฒนาตนเองตลอดเวลาจากแหล่งต่างๆ เพื่อนำไปสู่การเป็นมืออาชีพและเกิดความมั่นคงก้าวหน้าในการทำงาน หรือพูดง่ายๆ คือ เรียนเพื่อรู้ และสอนคนอื่นได้ในงานที่ตนรู้
- Happy soul การมีคุณธรรมอันเป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ในสังคม คือการมีหิริโอตตัปปะ ในการทำงานเป็นทีม หิริโอตตัปปะ คือ ความละอายและเกรงกลัวต่อการกระทำของตนเองโดยเฉพาะการกระทำที่ไม่ดี คนดีมีคุณธรรมนำมาซึ่งความสุขขององค์กร เพราะคนมีความศรัทธาในศาสนาและมี ศีลธรรมในการดำเนินชีวิต
- Happy money รู้จักใช้เงินให้เป็น สามารถจัดการรายรับรายจ่ายของตัวเองได้ มีเงินรู้จักเก็บรู้จักใช้เป็นหนี้ให้พอดี มีชีวิตที่เหมาะสมกับตัวเอง เพราะวันนี้คนปฏิเสธการเป็นหนี้ไม่ได้ แต่สามารถจัดการค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมกับตนเองได้
- Happy family ครอบครัวที่ดี การให้ความสำคัญกับครอบครัวทำให้ครอบครัวมีความอบอุ่นมั่นคงเกิดกำลังใจที่ดีในการทำงาน เหมือนเป็นภูมิคุ้มกันที่ช่วยให้เผชิญกับอนาคตหรืออุปสรรคในชีวิตได้
- Happy society สังคมดี สังคมมีสองมิติ คือ สังคมในที่ทำงานกับสังคมนอกที่ทำงาน มนุษย์ทุกคนต้องมีความรักสามัคคีเอื้อเฟื้อต่อสังคมที่ตนเองอยู่อาศัย เพื่อให้เกิดสังคมและสภาพแวดล้อมที่ดีตามมา
จากหลักการของ Happy Index Workplace ดังกล่าวข้างต้น คณะฯได้มีการดำเนินงานโครงการและกิจกรรมต่างๆในการขับเคลื่อนเพื่อเพิ่มความสุขขององค์กร รวมถึงให้บุคลากรมีสุขภาพแข็งแรง มีความสามัคคี ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม ปลูกฝังและสร้างจิตสำนึกของการทำประโยชน์ต่อสังคม ได้แก่ โครงการกีฬาสีภายใน กิจกรรมวันขึ้นปีใหม่ การสืบสานประเพณีไทย (งานวันสงกรานต์ งานวันลอยกระทง) กิจกรรมผู้บริหารเยี่ยมบุคลากรที่เจ็บป่วย/ได้รับอุบัติเหตุจากการปฏิบัติงาน สนับสนุนการตรวจสุขภาพประจำปี กิจกรรมการมอบทุนการศึกษาให้นักศึกษา บุตรหลานของบุคลากรและในช่วงสถานการณ์การแพร่กระจายของโรคไวรัสโควิด-19 คณะได้มีการให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องการดูแล ส่งเสริม รักษา ป้องกัน และแนวทางการปฏิบัติงานรวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นและสร้างขวัญกำลังใจให้กับบุคลากรทุกระดับ เช่น การประกาศแนวการปฏิบัติงานภายใต้มาตรฐานการป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ดังนั้นจะเห็นได้ว่า คณะฯได้เห็นความสำคัญของการพัฒนาองค์กรให้เป็นองค์กรแห่งความสุข ยึดหลักธรรมาภิบาล นำมาพัฒนาคุณภาพชีวิตการทำงานความสุข และความผูกพันต่อองค์กร คาดว่าผลที่ได้จะก่อให้เกิดความสำเร็จของงาน บุคลากรทุกระดับมีความสุข มีความผูกพันต่อองค์กร นำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมด้านการสร้างความสุขของบุคลากรส่งผลให้บุคลากรเป็นมืออาชีพในการดำเนินงานที่ได้ตามมาตรฐานสากลและตอบสนองต่อนโยบายของคณะและวิทยาลัยต่อไป
แผนกิจกรรมโครงการองค์กรแห่งความสุข (Happy Workplace)
ที่ |
กิจกรรม |
ระยะเวลา |
ผู้รับผิดชอบ |
|||||||||||
ต.ค. |
พ.ย. |
ธ.ค. |
ม.ค. |
ก.พ. |
มี.ค. |
เม.ย. |
พ.ค. |
มิ.ย. |
ก.ค. |
ส.ค. |
ก.ย. |
|||
1 |
คำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานโครงการองค์กรแห่งความสุข (Happy Workplace) |
|||||||||||||
2 |
ประชุมวางแผนและออกแบบโครงการ/กิจกรรมองค์กรแห่งความสุข |
|||||||||||||
3 |
สำรวจความต้องการโครงการองค์กรแห่งความสุข (Happy Workplace) |
|||||||||||||
4 |
ดำเนินกิจกรรม/โครงการ (Happy Workplace) |
|||||||||||||
5 |
วิเคราะห์ค่าคะแนนเฉลี่ยความสุขบุคลากร (Happinometer) ในแต่ละประเด็นเมื่อสิ้นสุดโครงการ |
|
คณะได้ดำเนินการประเมินดัชนีความสุขของบุคลากร (Happy Workplace Index) ของคณะ ได้คะแนนเท่ากับ 3.96 ดังตารางที่ 7.2.6
สรุปผลการประเมินดัชนีความสุขของบุคลากร (Happy Workplace Index)
คณะสาธารณสุขศาตร์ Faculty of Public Health
ส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไป General Information
1) ระยะเวลาในการทำงาน Time of Working
น้อยกว่า 2 ปี (≤2 years) จำนวน 2 คน
ตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป (≥2 years) จำนวน 3 คน
ส่วนที่ 2 ดัชนีความสุข (Personnel Happiness Index)
ดัชนีความสุข Personnel Happiness Index |
ระดับความสุข Happiness Level |
1. ความสุขทางกาย Physical body happiness |
3.57 |
1.1 มีสถานที่เพื่อใช้ในการออกกำลังกายกลางแจ้ง |
4.20 |
1.2 มีสถานที่เพื่อใช้ในการออกกำลังกาในร่ม |
3.60 |
1.3 มีสถานที่เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ |
3.60 |
1.4 มีกิจกรรมเพื่อสุขภาพ เช่น ตรวจสุขภาพประจำปี |
3.00 |
1.5 บุคลากรทำกิจกรรมเพื่อสุขภาพ เช่น เล่นกีฬา เต้นแอโรบิก |
3.20 |
1.6 ท่านมีสุขภาพแข็งแรง |
3.80 |
2. ความสุขทางใจ Mental Happiness |
3.33 |
2.1 มีกิจกรรมตามเทศกาลหรือวันสำคัญต่างๆ |
4.20 |
2.2 มีการทำกิจกรรมร่วมกันกับเพื่อนภายในหน่วยงาน |
3.20 |
2.3 มีการทำกิจกรรมร่วมกันกับเพื่อนระหว่างหน่วยงาน |
2.60 |
ดัชนีความสุข Personnel Happiness Index |
ระดับความสุข Happiness Level |
2.4 มีการทำกิจกรรมที่แสดงออกถึงความเอื้ออาทร เช่น บริจาคโลหิต |
3.60 |
2.5 มีการมอบของขวัญ หรือเกียรติบัตรในกิจกรรมต่างๆ |
2.80 |
2.6 ท่านเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้คนในองค์กรมีความสุข |
3.60 |
3. ความสุขทางสังคม Society Happiness |
3.32 |
3.1 มีกิจกรรมเพื่อสร้างสังคมที่ดี เช่น กิจกรรม 5 ส. |
3.20 |
3.2 มีกิจกรรมสร้างสังคมที่ปลอดภัย เช่น กิจกรรมต่อต้านยาเสพติด |
3.00 |
3.3 มีกิจกรรมที่สร้างสังคมการแบ่งปันระหว่างเพื่อร่วมงาน |
2.80 |
3.4 มีกิจกรรมร่วมกันกับชุมชนภายนอก เช่น บริการวิชาการ |
3.80 |
3.5 ท่านเป็นส่วนหนึ่งที่ดีของ STIC Society? |
3.80 |
4. Relaxation Happiness |
3.27 |
4.1 มีพื้นที่ผ่อนคลายจากการทำงาน เช่น มุมกาแฟ/ร้านกาแฟ |
3.60 |
4.2 มีพื้นที่สำหรับอ่านหนังสือ ค้นคว้า ที่เป็นส่วนตัว |
3.20 |
4.3 มีพื้นที่สำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ |
3.00 |
4.4 มีพื้นที่สำหรับการรับประทานอาหารที่เหมาะสม |
3.40 |
4.5 มีกิจกรรมสำหรับการศึกษาดูงานภายนอก หรือการท่องเที่ยว |
3.40 |
4.6 ท่านสามารถจัดการกับความเครียดในการทำงานได้ |
3.00 |
ดัชนีความสุข Personnel Happiness Index |
ระดับความสุข Happiness Level |
5. Intellectual Happiness |
3.43 |
5.1 มีการจัดกิจกรรมอบรมเพื่อการพัฒนาความรู้ |
3.00 |
5.2 มีการจัดกิจกรรมเพื่อทบทวนทักษะการทำงาน (re-skills) |
3.40 |
5.3 มีการจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยน/แบ่งปันความรู้ เช่น กิจกรรม KM’ Day |
3.80 |
5.4 มีการส่งเสริมการเข้าถึงความรู้ใหม่ๆ เช่น เทคนิคการสอนออนไลน์ |
3.60 |
5.5 มีกิจกรรมยกระดับทักษะในการทำงานให้สูงขึ้น (up-skills) |
3.20 |
5.6 มีการพัฒนาทักษะใหม่ในการทำงานอย่างต่อเนื่อง (new-skills) |
3.40 |
5.7 ท่านมีความสุขในการได้พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง |
3.60 |
6. Soul Happiness |
3.70 |
6.1 มีพื้นที่ปฏิบัติสาสนกิจตามความเชื่อในศาสนาของท่าน |
2.60 |
6.2 มีการยอมรับจากความแตกต่างระหว่างศาสนา |
4.20 |
6.3 มีกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องความหลากหลายทางเชื้อชาติ |
3.80 |
6.4 มีกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องความหลากหลายทางวัฒณธรรม |
3.60 |
6.5 ท่านแสดงออกตามความเชื่อ/ความศรัทธาใรศาสนาได้อย่างอิสระ |
4.20 |
6.6 ท่านมีความสุขกับสภาพแวดล้อมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม |
3.80 |
7. Financial Happiness |
3.16 |
ดัชนีความสุข Personnel Happiness Index |
ระดับความสุข Happiness Level |
7.1 มีกิจกรรมหรือโครงการที่ทำให้บุคลากรมีรายได้เพิ่ม เช่น ทุนวิจัย |
3.60 |
7.2 มีสวัสดิการที่ทำให้เกิดการประหยัด เช่น หอพัก น้ำดื่ม |
3.40 |
7.3 มีร้านอาหาร ร้านค้า จำหน่ายสินค้าในราคาประหยัด |
3.00 |
7.4 มีกิจกรรมที่ทำให้เกิดการตระหนักรู้ในการจัดการทางการเงิน |
3.20 |
7.5 ท่านมีเงินที่ได้จากการออมเพิ่มมากขึ้น |
2.60 |
8. Family-like Happiness |
3.40 |
8.1 มีการจัดองค์กรที่มีความผูกพันกันแบบคนในครอบครัว |
2.20 |
8.2 มีกิจกรรมที่แสดงถึงความเป็นครอบครัว เช่น วันพ่อ วันแม่ วันไหว้ครู |
3.40 |
8.3 มีกิจกรรมที่อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย เช่น วันสงกรานต์ วันลอยกระทง |
4.20 |
8.4 มีกิจกรรมที่อนุรักษ์วัฒนธรรมสากล เช่น International Day |
3.60 |
8.5 กิจกรรมต่างๆทำให้ท่านรู้สึกใกล้ชิดกับครอบครัวเพิ่มมากขึ้น |
2.60 |
8.6 ท่านจัดสรรเวลาในการทำงานกับเวลาในการอยู่กับครอบครัวของท่านได้ |
3.40 |
|
|
ส่วนที่ 3 ความสุขจากผลการปฏิบัติงาน |
|
ความสุขจากผลการปฏิบัติงาน Happiness from your performance |
ระดับความสุข Happiness Level |
1. ท่านมีความภาคภูมิใจในการปฏิบัติงานของท่าน |
4.00 |
2. ผลการปฏิบัติงานของท่านก่อให้เกิดผลดีต่อองค์กร |
4.60 |
3. ท่านพึงพอใจในผลการปฏิบัติงานในรอบปีที่ผ่านมาของท่าน |
3.00 |
4. ท่านพึงพอใจต่อผลสำเร็จของหน่วยงานที่ท่านสังกัด |
3.60 |
5. ท่านพึงพอใจต่อผลการปฏิบัติงานในรอบปีที่ผ่านมาของวิทยาลัย |
3.60 |
6. เพื่อนร่วมงานของท่านเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กร |
4.40 |
7. ท่านมีความสัมพันภาพที่ดีกับเพื่อนร่วมงานทุกคน |
4.80 |
8. บุคคลากรในแต่ละหน่วยงาน/สังกัด มีความสัมพันธ์ที่ดี |
4.40 |
9. ท่านมีประสิทธิภาพในการทำงานสูง |
4.00 |
10. บุคลากรของวิทยาลัยมีประสิทธิภาพในการทำงานสูง |
4.20 |
11. วิทยาลัยมีบรรยากาศองค์กรแบบความร่วมมือในการทำงาน |
3.60 |
12. วิทยาลัยเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ |
3.80 |
13. วิทยาลัยเป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง |
3.80 |
14. ท่านมีความสุขในระหว่างการทำงาน |
3.20 |
ดัชนีความสุข Personnel Happiness Index |
ระดับความสุข Happiness Level |
15. ท่านมีความสุข เมื่อเห็นว่านักศึกษษหรือผลการทำงานประสบความสำเร็จ |
4.40 |
ความสุขจากผลการปฏิบัติงาน Happiness from your performance |
3.96 |
ตอนที่ 4 ข้อเสนอแนะอื่นๆ |
|
1) To fix a transport “van” for foreigw lecturers on Sunday’s visit to telsco lotus’s (Do not use a pick-up vemcle safety concern) |
|
สรุปผล |
|
ดัชนีความสุข Personnel Happiness Index |
ระดับความสุข Happiness Level |
1. ความสุขทางกาย Physical body happiness |
3.57 |
2. ความสุขทางใจ Mental Happiness |
3.33 |
3. ความสุขทางสังคม Society Happiness |
3.32 |
4. Relaxation Happiness |
3.27 |
5. Intellectual Happiness |
3.43 |
6. Soul Happiness |
3.7 |
7. Financial Happiness |
3.16 |
8. Family-like Happiness |
3.4 |
ความสุขจากผลการปฏิบัติงาน Happiness from your performance |
3.96 |
Happy Index Workplace |
3.46 |
การประเมินตนเอง
เป้าหมาย |
การดำเนินการ(KPIเชิงคุณภาพให้ระบุข้อ) |
การประเมินตนเอง |
||
….. 5 ข้อ ….. |
IQA (1-6) |
1,2,3,4,5 |
5 ข้อ |
4 คะแนน |
EdPEx (1-4) |
1,2,3,4 |
ร้อยละ 5 |
4 คะแนน |
รายการหลักฐาน
รหัสหลักฐาน |
รายการ |
7.3.1.1 | |
7.3.2.1 | |
7.3.3.1 | |
7.3.4.1 | |
7.3.5.1 | |
7.3.6.1 |